สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

   ความรักแม่สุดยิ่งใหญ่! กัดฟันเลี้ยงลูกพิการหัวโตนานกว่า16ปี

 

ภายในบ้านพักเลขที่ 83 บ้านหนองไทร หมู่ที่ 5 ต.ไชยมงคล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านพักของครอบครัว "ประเสริฐศรี" พบว่า  น้องปูเป้ หรือ นายนพดล ประเสริฐศรี อายุ 16 ปี   เกิดมาพร้อมกับความพิการทางด้านร่างกาย ซึ่งมีศีรษะโตกว่าคนทั่วไป ที่มีต้นเหตุมาจากการสำลักน้ำคลั่งขณะคลอดและเข้าไปคลั่งอยู่ในศีรษะจนทำให้ศีรษะโตกว่าคนปกติทั่วไป นอกจากนี้ด้วยสาเหตุดังกล่าวยังมีผลทางสมองส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเซลในสมองทำให้มีผลต่อการรับรับรู้ที่ช้ากว่าคนปกติทั่วไป อีกทั้งด้วยศีรษะที่มีน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ยังทำให้มีผลต่อร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวช่วยเหลือตัวเองได้ และมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงเป็นระยะๆ จนต้องกินยาระงับประสาทเป็นประจำทุกวัน ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่ที่นางสมมาท ประเสริฐศรี อายุ 38 ปี ผู้เป็นมารดา ที่ต้องเผ้าเลี้ยงดูลูกผู้พิการแต่เพียงลำพัง เนื่องจากนายดำ ประเสริฐศรี สามีคู่ชีวิต จำเป็นที่จะต้องออกตระเวนขายของเล่นตามตลาดนัดทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัวจนแทบจะไม่มีเวลาอยู่บ้านใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัว 

ตลอดระยะเวลากว่า 16 ปี นอกจากนางสมมาท จะต้องดูแลรับผิดชอบในการปฏิบัติกิจวัตรประจำตัวของน้องปูเป้  ยังต้องออกตระเวนรับซื้อดอกไม้เพื่อนำไปวางจำหน่ายที่สามแยกปักธงชัย เป็นประจำทุกวัน เพื่อนำรายได้มาจุนเจือครอบครัวช่วยเหลือสามีที่ทำงานอย่างหนักอีกทางหนึ่ง เพื่อพอให้มีเงินเป็นค่าเลี้ยงดูบุตรชายผู้พิการ และใช้เป็นค่ารักษารวมถึงเป็นทุนการศึกษาให้แก่บุตรสาวคนเล็กอายุ 5 ขวบ ที่กำลังเข้าสู่วัยเรียน ที่มีโรคน้ำเหลืองผิดปกติ และโรคภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัว ทำให้สภาพคล่องของครอบครัวไม่สู้ดีนัก แต่ก็ยังดีที่มีเงินช่วยเหลือผู้พิการจาก อบต.ไชยมงคล มอบให้น้องปูเป้ เดือนละ 500 บาท มาช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านบรรเทาความเดือดร้อนไปได้ส่วนหนึ่ง

ทั้งนี้ นางสมมาท  เปิดใจว่า เป็นเรื่องที่แสนทรมานใจอย่างมากเมื่อมองเห็นบุตรชายที่ทนทุกข์ทรมานจากการพิการ และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ก็เป็นห่วงว่า หากสิ้นตัวเองแล้วบุตรชายจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร



    

 

นางสมมาทฯ กล่าวอีกว่า อนาคตต่อจากนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ครอบครัวจะลำบากสักเพียงไหน ตนเองจะไม่มีวันทิ้งบุตรชายคนนี้เพื่อหนีเอาชีวิตรอด และจะขอดูแลไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง แต่สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดก็คือ หากตัวเองต้องลาโลกไปก่อนลูกชายแล้ว ชีวิตต่อไปข้างหน้าของลูกชายคนนี้จะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ดังนั้นหากเป็นไปได้ตัวเองอยากจะเป็นดูแลบุตรชายคนนี้ไปจนกว่าน้องปูเป้จะหมดกรรม....

ความรักของนางสมมาทฯ ที่มีต่อบุตรชายผู้พิการซึ่งต้องแบกรับภาระอย่างแสนสาหัสนั้น เป็นที่รู้กันดีของเพื่อนบ้านใกล้เคียงและชาวบ้านทั่วไปในแถบนี้ รวมถึงนายหมัด พึ่งพวก เพื่อนบ้านที่ได้เห็นความทุกข์ยากและช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวนี้มาโดยตลอด โดยนายหมัดฯ กล่าวว่า รู้สึกทึ่งที่ได้เห็นความรักที่นางสมมาทฯมีต่อน้องปูเป้ ที่ทำทุกอย่างเพื่อดูแลน้องปูเป้อย่างดีที่สุด โดยไม่เคยปริปากบ่น หรือมีความคิดที่จะทิ้งให้น้องปูเป้ไปอยู่กับคนอื่น แม้ว่าวันนี้น้องปูเป้ จะได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆที่ยื่นมือมาบรรเทาความเดือดร้อนและภาระของครอบครัว ประเสริฐศรี อย่างเช่นการให้บริการรักษาฟรีแก้น้องปูเป้ในทุกกรณี แต่สิ่งที่ครอบครัวนี้ต้องการคืออยากที่จะมีที่พักอาศัยที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ โดยขอเพียงแค่มีหลังคาที่กันแดนกันฝน ฝาพนังที่มีความแข็งแรงมากกว่าที่เป็นอยู่เท่านั้น

สำหรับผู้ใจบุญ ที่ประสงค์จะให้ความช่วยเหลือน้องปูเป้ หรือ นายนพดล ประเสริฐศรี สามารถช่วยเหลือโดยการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ชื่อบัญชี เพื่อนายนพดล ประเสริฐศรี เลขที่บัญชี 021-2-94521-7 หรือ ที่บัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชีนางสมมาท ประเสริฐศรี เลขที่บัญชี 06-4304-20-119562-5  หรือติดต่อโดยตรงที่นางสมมาท ประเสริฐศรี ตามหมายเลขโทรศัพท์ 081-2034349

ข้อมูลจาก มติชนรายวัน

 

   พ่อ-แม่ เลี้ยงลูกสมองพิการ 3 คน

 

                   

มีแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวต้องเลี้ยงลูกพิการทางสมอง ซึ่งช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ถึง 3 คน มานานเกือบ 20 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 344/5 หมู่ 5 ต.บ้านใหม่สุขเกษม อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบบ้านหลังดังกล่าวที่ด้านหน้าได้เปิดทำเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยว ส่วนด้านหลังบ้านมีการดัดแปลงทำเป็นห้องไว้เลี้ยงลูกที่พิการ


นางพรพณา  สีฟ้า อายุ 42 ปี สุดยอดคุณแม่ชาวสุโขทัย เปิดเผยว่า ตนเองยึดอาชีพขายก๋วยเตี๋ยวมานาน 21 ปีแล้ว ส่วนสามีก็ทำนา และมีลูกด้วยกัน 3 คน คนโตเป็นผู้หญิงชื่อน้องกระต่าย อายุ 19 ปี คนรองกับคนเล็กเป็นผู้ชายชื่อน้องต้อม อายุ 14 ปี และน้องธันวา อายุ 6 ปี ทั้งหมดพิการทางสมองมาตั้งแต่เกิด ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้


“ตอนคนแรกเกิดมาพิการเราเครียดกันมาก หมอบอกว่าเกิดขึ้นได้หนึ่งในล้าน แต่ด้วยความอยากมีลูกและหวังว่าคนต่อไปจะมีร่างกายปกติ จึงปล่อยให้มีท้องคนต่อมา เพราะได้ไปตรวจเลือดและปรึกษาหมอ ทุกครั้งไม่พบความผิดปกติ มาจนท้องที่สามจึงตัดสินใจทำหมัน”

    

 

นางพรพณา เล่าชีวิตประจำวันให้ฟังว่า ช่วงเวลาตี 5 ทุกวันต้องตื่นนอนไปซื้อของที่ตัวอำเภอกงไกรลาศ มาเตรียมเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว เสร็จแล้วก็ย้ายลูกๆมาไว้ที่ห้องหลังบ้าน อาบน้ำป้อนข้าวเตรียมของกินไว้ให้ ก่อนมายืนขายของหน้าร้าน แต่ก็ต้องเดินเทียวดูทั้งวัน ส่วนสามีจะช่วยดูให้ช่วงเช้า พอสายๆ ก็ไปทำนา เย็นกลับมาก็ช่วยดูแลต่อ  สามีเป็นคนรักลูกมากแม้จะพิการก็ตาม เราดูแลกันแบบนี้มานานกว่า 19 ปีแล้ว


“ตั้งแต่มีลูกฉันไม่เคยได้ไปนอกบ้านอีกเลย ทำแต่งานเพื่อหาเลี้ยงพวกเขา กับใช้หนี้สินที่มีอยู่ ทุกวันนี้ก็พออยู่พอกิน จะลำบากก็ตรงที่ยังมีหนี้อยู่เท่านั้น ส่วนของลูกที่ต้องจ่ายทุกเดือนก็จะมีค่าผ้าอ้อม กับของกินของใช้จำเป็นตกเดือนละ 7,000 บาท แต่ได้เบี้ยคนพิการจาก อบต. มาคนละ 500 บาท ก็แบ่งเบาภาระได้ระดับหนึ่ง” นางพรพณา กล่าว

 

ทั้งนี้ ผู้ใจบุญสามารถโอนเงินช่วยเหลือเด็กพิการทั้ง 3 คนได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสุโขทัย บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 536-243538-1 ชื่อบัญชีนางพรพณา  สีฟ้า เพื่อ ด.ช.ธันวา  สีฟ้า หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่หมายเลขมือถือ 089-822-7082

ข้อมูลจาก มติชนรายวัน

 

view